วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัดบทที่8-9




     1.การวางแผนให้กับองค์กร ประกอบด้วยกระบวนการพื้นฐานอะไรบ้ัาง
การวางแผนให้กับองค์กร 
การวางแผน (Planning) เป็นการะบวนที่ช่วยกำหนดและตัดสินใจเลือกสิ่งที่จะดำเนินการ และวิธีปฏิบัติในอนาคตเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหมายถึงการทำได้ตามกำหนดเวลาและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอย่างคุ้มค่า การวางแผนมีทั้งแบบเชิงรุก (Proactive) และเชิงรับ (Reactive) ซึ่งองค์กรควรมีการจัดทำทั้ง 2 แบบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาวะทางเศรษฐกิจ ก่อนที่องค์กรจะวางแผนนั้นจำเป็นต้องวิเคราะห์ตนเอง ดังนี้ “ขณะนี้เราอยู่ที่ไหน? เรากำลังจะไปที่ไหน? และเราจะไปถึงที่นั้นได้อย่างไร ? “
การกำหนดแผนงานที่ดี จะเป็นการช่วยในการตีกรอบความคิดและการดำเนินงานให้อยู่ในขอบเขต ไม่หลงประเด็น ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและเสียทรัพยากรไปอย่างเปล่าประโยชน์ ข้อดีของการวางแผนการจัดการไว้ล่วงหน้า
  1. ในโลกธุรกิจที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา องค์กรควรมีแผนตั้งรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงขององค์กร หากเรามีแผนเตรียมพร้อมบุคลากรให้สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงก็จะทำให้องค์กรอยู่รอดไปได้
  2. เป็นการกำหนดกลยุทธ์และแนวทางในการดำเนินงานขององค์กร เป็นการช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ง่ายและตรงประเด็น สามารถดำเนินงานได้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. เมื่อองค์กรมีทรัพยากรที่จำกัด เช่น เงิน งบประมาณ หรือวัตถุดิบ การดำเนินงานที่มีการวางแผนล่วงหน้าจะลดขั้นตอนที่ผิดพลาดลง มีการประสานงานที่ดี บุคลากรได้รับการสื่อสาร เข้าใจหน้าที่การทำงานของตน ลดการทำงานซ้ำซ้อน ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร
  4. ความยืดหยุ่น (Flexibility) 

    ความครอบคลุม (Comprehensiveness)

     ความชัดเจน (Specificity)

    ะยะเวลาของแผน (Time Span)
    ความเป็นพิธีการ (Formality)
    ความมีเหตุมีผล (Rationality)
    ความมุ่งอนาคต (Future Oriented)
    ความสอดคล้อง (Relevance) 

     2.การวางแผนกลยุทธ์มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งใด

    แผนกลยุทธ์คือ แผนที่ทำให้องค์การอยู่รอดในระยะยาวและได้เปรียบการแข่งขันในตลาด ผู้วางแผนกลยุทธ์จะต้องสามารถมองไปข้างหน้า มองไปในอนาคตได้อย่างถูกต้อง เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น รักษาฐานะทางการบริหารและการแข่งขันให้เหนือกว่าองค์การอื่นและดำรงอยู่ในธุรกิจนั้นตลอดไป การวางแผนกลยุทธ์เป็นกระบวนการกำหนดกลยุทธ์และการนำกลยุทธ์ไปใช้ การกำหนดวัตถุประสงค์ขององค์การ การเลือกกลยุทธ์ที่จะทำให้องค์การสามารถไปสู่วัตถุประสงค์นั้นได้ การวางแผนกลยุทธ์จะเกี่ยวข้องกับ 3 หัวข้อที่สำคัญคือ การวิเคราะห์กลยุทธ์ การกำหนดกลยุทธ์ และการนำกลยุทธ์ไปใช้ แต่ละหัวข้อมีรายละเอียดและส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ความรับผิดชอบของผู้บริหารลำดับขั้นของกลยุทธ์ การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน กลยุทธ์ระดับต่างๆ ขององค์การ การวิเคราะห์ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ตลอดจนการสร้างระบบต่างๆ ในองค์การเพื่อนำกลยุทธ์ไปใช้
    อ้างอิง: ศาสตราจารย์ เสนาะ  ติเยาว์ . 2543. หลักการบริหาร : การวางแผนกรุงเทพโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

    3.จงสรุปขั้นตอนการวางแผนระบบสารสนเทศ

    ขั้นตอนในการวางแผน
     ในขั้นตอนการเตรียมการวางแผนองค์กรต้องหาข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อวิเคราะห์หาจุดอ่อนและจุดแข็งของเราและกำหนดวิสัยทัศน์ในสิ่งที่อยากเป็นเป้าหมายขององค์กรในอนาคต หลังจากนั้นเมื่อเรารู้ว่าเรายืนอยู่ที่ไหนและต้องการเป็นอะไรแล้ว ผู้บริหารต้องวางแผนดำเนินงาน ซึ่งจะบ่งบอกถึงวิธีการ ทิศทางใดที่จะทำให้เราบรรลุตามเป้าหมายได้ ในการกำหนดแผนงานต้องมีการวางแผนขั้นตอนการสื่อสารภายในองค์กรเป็นสำคัญ การที่องค์กรจะกำหนดทิศทางไปในทางใด บุคลากรต้องเข้าใจและพร้อมขับเคลื่อนไปพร้อมกัน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจากบนลงล่างจึงเป็นสิ่งสำคัญในทุกขั้นตอน
    ในการจัดทำรายละเอียดของแผนงานจะเป็นการจัดการในระดับภาคส่วน แผนกที่เกี่ยวข้อง ว่าต้องมีความรับผิดชอบในด้านใด มีเป้าหมายของแผนกที่ต้องปฏิบัติร่วมกันอย่างไร หลังจากที่มีการสื่อสาร อบรมจนเกิดความเข้าใจจึงนำไปปฏิบัติตามหน้าที่ของตน ในระดับหัวหน้าและระดับบริหารมีหน้าที่ตรวจสอบผลการดำเนินงาน หากไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ต้องนำแผนมาทบทวนใหม่ หาข้อผิดพลาดและปรับปรุงแผนงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

    4.วงจรการพัฒนาระบบ (SDLC) คืออะไร ? มีกี่ขั้นตอนอะไรบ้าง

    „- วงจรชีวิตของระบบที่นักวิเคราะห์ระบบจะต้องทําความเข้าใจ
    „ -A system life cycle divides the life of an information system into two stages, systems 
    development and systems operation and support 
    „ วงจรการพัฒนาระบบ (SDLC) มี 7 ขั้นตอน
    „1. เข้าใจปัญหา (Problem Recognition) 
               ระบบสารสนเทศจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้บริหารหรือผู้ใช้ตระหนักว่า ต้องการระบบสารสนเทศหรือระบบจัดการเดิม ได้แก่ระบบเอกสารในตู้เอกสาร ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่ตอบสนองความต้องการในปัจจุบัน
    เครื่องมือ : เก็บรวบรวมข้อมูลของระบบและคาดคะเนความต้องการของระบบ
    หน้าที่ : กำหนดความต้องการของระบบใหม่ (ระบบใหม่ทั้งหมดหรือแก้ไขระบบเดิม)
    ผลลัพธ์ : รายงานข้อมูลเฉพาะของปัญหา
    เครื่องมือ : เทคนิคการเก็บรวบรวมข้อมูล , Data Dictionary, Data Flow Diagram, Process Specification, Data Model, System Model, Prototype, system Flowcharts
    เครื่องมือ : เครื่องมือของโปรแกรมเมอร์ทั้งหลาย Editor, compiler,Structure Walkthrough, วิธีการทดสอบโปรแกรม การเขียนเอกสารประกอบการใช้งาน
              ขั้นตอนนี้บริษัทนำระบบใหม่มาใช้แทนของเก่าภายใต้การดูแลของนักวิเคราะห์ระบบ การป้อนข้อมูลต้องทำให้เรียบร้อย และในที่สุดบริษัทเริ่มต้นใช้งานระบบใหม่นี้ได้
              การนำระบบเข้ามาควรจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละน้อย ที่ดีที่สุดคือ ใช้ระบบใหม่ควบคู่ไปกับระบบเก่าไปสักระยะหนึ่ง โดยใช้ข้อมูลชุดเดียวกันแล้วเปรียบเทียบผลลัพธ์ว่าตรงกันหรือไม่ ถ้าเรียบร้อยก็เอาระบบเก่าออกได้ แล้วใช้ระบบใหม่ต่อไป
    การบำรุงรักษาได้แก่ การแก้ไขโปรแกรมหลังจากการใช้งานแล้ว สาเหตุที่ต้องแก้ไขโปรแกรมหลังจากใช้งานแล้ว สาเหตุที่ต้องแก้ไขระบบส่วนใหญ่มี 2 ข้อ คือ 1. มีปัญหาในโปรแกรม ( Bug) และ 2. การดำเนินงานในองค์กรหรือธุรกิจเปลี่ยนไป จากสถิติของระบบที่พัฒนาแล้วทั้งหมดประมาณ 40% ของค่าใช้จ่ายในการแก้ไขโปรแกรม เนื่องจากมี " Bug" ดังนั้นนักวิเคราะห์ระบบควรให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษา ซึ่งปกติจะคิดว่าไม่มีความสำคัญมากนัก



    „2. ศึกษาความเป็นไปไดh(Feasibility Study) 
    หน้าที่ : กำหนดปัญหา และศึกษาว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนแปลงระบบ 
    ผลลัพธ์ : รายงานความเป็นไปได้ 


    3. วิเคราะห์(Analysis) 


    4. ออกแบบ (Design) 
    หน้าที : ออกแบบระบบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้และฝ่ายบริหาร ผลลัพธ์ : ข้อมูลเฉพาะของการออกแบบ( System Design Specification) 
    เครื่องมือ : พจนานุกรมข้อมูล Data Dictionary, แผนภาพการไหลของข้อมูล ( Data Flow Diagram), ข้อมูลเฉพาะการประมวลผล ( Process Specification ), รูปแบบข้อมูล ( Data Model), รูปแบบระบบ ( System Model), ผังงานระบบ ( System Flow Charts), ผังงานโครงสร้าง (Structure Charts), ผังงาน HIPO (HIPO Chart), แบบฟอร์มข้อมูลขาเข้าและรายงาน
    „5. สร้างหรือพัฒนา (Construction)
     การพัฒนาระบบ ( Construction) 
    หน้าที่ : เขียนและทดสอบโปรแกรม 
    ผลลัพธ์ : โปรแกรมที่ทดสอบเรียบร้อยแล้ว เอกสารคู่มือการใช้ และการฝึกอบรม 


    6. การติดตั้งหรือการปรับเปลี่ยน (Installation, Conversion) 
     การปรับเปลี่ยน (Construction) 


    „7. บํารุงรักษา (Mainten)



    5.จริยธรรมหมายถึงอะไร

     จริธรรม หมายถึง ความประพฤติ กิริยาที่ควรประพฤติ ธรรมะหมายถึง คุณความดี คำสั่งสอนในศาสนา หลักประพฤติปฏิบัติในศาสนา ความจริง ความยุติธรรม ความถูกต้อง กฎเกณฑ์ กฎหมาย สิ่งของทั้งหลาย เมื่อพิจารณาตามรูปคำจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้คำนิยามว่า “จริยธรรม” คือ ธรรมที่เป็น ข้อประพฤติปฏิบัติ ศีลธรรม กฎศีลธรรม

    6.ประเด็นทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบ่งออกได้กี่ประเภท อะไรบ้าง

    ประเด็นทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จำแนกเป็น 2 ประเภทคือ
    1. ประเด็นการวิจัยที่มุ่งเน้นอรรถประโยชน์ เพื่อพัฒนาองค์กรด้านต่างๆ เช่น การบัญชี การเงิน การจัดการทรัพยากรมนุษย์ การตลาด ระบบสารสนเทศองค์กร การจัดการผลิตและการดำเนินงาน เช่นระบบ ERP เป็นต้น
    2. ประเด็นการวิจัยที่มุ่งเน้นความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น web technology, ubiquitous technology, clod computing, tag, semantic web เป็นต้น
    ทีี่มา:http://ruchareka.wordpress.com/2011/04/22



    7.อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์คืออะไร และจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างไรบ้าง

    อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Computer Crime)คือ1.การกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย 
    และผู้กระทำได้รับผลประโยชน์ตอบแทน2.การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือและในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต้องใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน
         การรักษาความปลอดภัยให้ระบบสารสนเทศมีความปลอดภัย และยังช่วยลดข้อผิดพลาด การทำลายระบบสารสนเทศ มีระบบการควบคุมที่สำคัญ 3ประการ คือ   การควบคุมระบบสารสนเทศ
       การควบคุมกระบวนการทำงาน
       การควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

       
    ที่มาhttp://www.slideshare.net/sassy_nus/1-15991643



วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด บทที่7


1.E-Commerce  คืิอ พาณิชย์อเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหมาถึง การทำธุรกรรมทุกรูปแบบโดยครอบคลุมถึงการซื้อ-ขายสินค้า/บริการ การชำระเงิน การโฆษณาโดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ปรเะเภทต่างโดยเฉพาะเครือข่ายทางอินเตอร์เน็ท


2.ประเภทของ E-Commerce   

1.ผู้ประกอบการ กับ ผู้บริโภค (Business to Consumer - B2C)คือการค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าซึ่งก็คือผู้บริโภค เช่น การขายหนังสือ ขายวีดีโอ ขายซีดีเพลงเป็นต้น2.ผู้ประกอบการ กับ ผู้ประกอบการ (Business to Business – B2B) คือการค้าระหว่างผู้ค้ากับลูกค้าเช่นกัน แต่ในที่นี้ลูกค้าจะเป็นในรูปแบบของผู้ประกอบการ ในที่นี้จะครอบคลุมถึงเรื่อง การขายส่ง การทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain Management) เป็นต้น ซึ่งจะมีความซับซ้อนในระดับต่างๆกันไป3.ผู้บริโภค กับ ผู้บริโภค (Consumer to Consumer - C2C) คือการติดต่อระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคนั้น มีหลายรูปแบบและวัตถุประสงค์ เช่นเพื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ในกลุ่มคนที่มีการบริโภคเหมือนกัน หรืออาจจะทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง ขายของมือสองเป็นต้น4.ผู้ประกอบการ กับ ภาครัฐ (Business to Government – B2G) คือการประกอบธุรกิจระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ ที่ใช้กันมากก็คือเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ หรือที่เรียกว่า e-Government Procurement ในประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว รัฐบาลจะทำการซื้อ/จัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่นการประกาศจัดจ้างของภาครัฐในเว็บไซต์ www.mahadthai.com5.ภาครัฐ กับ ประชาชน (Government to Consumer -G2C)ในที่นี้คงไม่ใช่วัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่จะเป็นเรื่องการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยเองก็มีให้บริการแล้วหลายหน่วยงาน เช่นการคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต, การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เช่นข้อมูลการติดต่อการทำทะเบียนต่างๆของกระทรวงมหาดไทย ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้างในการทำเรื่องนั้นๆ และสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มบางอย่างจากบนเว็บไซต์ได้ด้วย
ที่มา : http://www.ecommerce.or.th/project/e-guide/index.html
       : e-Commerce FAQ คำถามนี้มีคำตอบ โดยศูนย์พัฒนาอิเล็กทรอนิกส์ หน้า 19-20
       : หนังสือ e-commerce คู่มือประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หน้า 36-38
         
http://www.thaiwbi.com/topic/E-Ecommerce
         http://202.28.94.55/webclass/pub-lesson.cs?storyid=278

3.ประโยชน์ข้อจำกัดของE-Commerceมีอะไรบ้างจงอธิบาย

ประโยชน์

1. สามารถเปิดดำเนินการได้ 24 ชั่วโมง
2. ตัดปัญหาการต่อรองราคา หรือปัญหาเรื่องนายหน้า
3. ลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
4. ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมมีโอกาสมากขึ้น
5. โอกาสทางธุรกิจเท่าเทียมกัน
6. การประชาสัมพันธ์ทำได้ง่ายขึ้น

ข้อจำกัด
1. ความไม่ปลอดภัยของข้อมูล
2. ความเสี่ยงในการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ต
3. ขาดความรู้ด้านกฎหมายการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
4. ขาดความรู้เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต 




4.เทคโนโลยีEDI  มีความสำคัญต่อE-Commerce อย่างไร 

EDI คือ การแลกเปลี่ยนเอกสารทางธุรกิจระหว่างบริษัทคู่ค้าในรูปแบบมาตรฐานสากลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง มีสององค์ประกอบที่สำคัญในระบบ EDI คือ การใช้ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์มา แทนเอกสารที่เป็นกระดาษ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ต้องอยู่ในรูปแบบมาตรฐานสากล ด้วยสองปัจจัยนี้ ทุกธุรกิจสามารถ แลกเปลี่ยนเอกสารกันได้
ทั่วโลก
    มาตรฐานเอกสาร EDI เปรียบเสมือนภาษากลางในการสื่อสารระหว่างคู่ค้า มาตรฐานเอกสาร EDI ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก มีอยู่หลายมาตรฐาน  เป็นมาตรฐานที่กำหนดโดย United Nation ขณะนี้ หลายๆ ประเทศ กำลังพยายามปรับมาตรฐานของตนให้เข้ากับมาตรฐานนี้เนื่องจากมีการค้า ระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็น ลำดับ

สรุป  EDI  มีความสำคัญต่อE-Commerce อย่างไร 
  คือเปรียบเสมือนภาษากลางในการสื่อสารระหว่างคู่ค้าเนื่องจากมีการค้า ระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็น ลำดับ  ซึ่งในการทำะุธุรกรรมทางธุรกิจ E-Commerce  นั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ เอกสาร EDI เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ท

5.จงยกตัวอย่างเว็บไวต์ที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ  B2B,B2C,C2C,B2G มาอย่างละ2ตัวอย่าง

เช่น ธุรกิจแบบB2Bเช่น .บริษัทขายอุปกรณ์สำนักงานhttp://www.siamarmstrong.com/  
                                     บริษัทขายอาไหล่รถจัรถต่างๆhttp://www.nst.co.th/products
     ธุรกิจแบบB2Cเช่น .ร้านขายหนังสือออนไลน์http://booktogo.weloveshopping.com/,
                               ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์http://www.thaifashiontoday.com/
    ธุรกิจแบบC2C ธุรกิจท่องเที่ยวhttp://www.usystours.com/http:/,/www.visacenterondemand.blogspot.com/
ฺธุรกิจแบบB2G1.www. gprocurement.go.th

                               2.www.dla.go.th



6.วิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง และท่านเคยใช้หรือไม่อย่างไร

ตอบ  ระบบการชำระเงินคืออะไร         ระบบการชำระเงินหมายถึงกระบวนการส่งมอบหรือโอนสื่อการชำระเงินเพื่อชำระราคา โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน คือ       
 (1) องค์กรและบุคคล หมายถึง ผู้จ่ายเงิน ผู้รับเงิน และองค์กรที่เป็นตัวกลางใน การชำระเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน เป็นต้น      
  (2) กระบวนการดำเนินการภายใต้กฎหมาย ระเบียบ ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ธรรมเนียมปฏิบัติ ที่กำหนดบทบาท หน้าที่ และความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและบุคคลต่าง ๆ รวมถึงกลไกการชำระเงินที่เกี่ยวข้อง      
  (3) สื่อการชำระเงินประเภทต่าง ๆ เช่น เงินสด ตราสารการเงิน บัตรพลาสติก การโอนเงินทางบัญชี ตลอดจนถึงการชำระเงินด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์



แบบฝึกหัดเรื่อง แนวโน้วของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตว่าเป็นอย่างไำร และ ข่าวเกี่ยวกับไอที



แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาค


การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
เทคโนโลยีการสื่อสาร ทุกที่ ทุกเวลา  

          
ยูบิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous technology) สังคมยูบิควิตัส (Ubiquitous society) หรือ ยูบิคอมบ์ (Ubicomp) เป็นทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการสื่อสารใหม่และเป็นแนวโน้มของสังคมสารสนเทศ ยูบิควิตัส เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า อยู่ในทุกแห่ง หรือ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มาร์ค ไวเซอร์ (Mark Weiser) แห่งศูนย์วิจัย Palo Alto ของบริษัท Xerox ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำนิยาม "ยูบิควิตัสคอมพิวติง" ไว้ว่า เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง-สภาพแวดล้อมที่สามารถใช้ คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่าย ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใด

จุดเด่นของยูบิควิตัส ได้แก่  

  1. การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่ว่าผู้ใช้งาน จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ 
  2. การ สร้างสภาพการใช้งานโดยผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่  
  3. การให้บริการที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้ง สถานที่ อุปกรณ์ ปัจจัยทางกายภาพอื่นๆ  



เทคโนโลยีสารสนเทศ กับการศึกษา  


          เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้กับการศึกษาได้แก่ สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) เทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้รูปการเรียนที่จำกัดด้วยชั้นเรียน ขนาดเล็กกลายเป็นการเรียนด้วยระบบการสื่อสารทางไกลหรือโทรศึกษา (tele-education) เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและแก้ปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ผู้สอน ต่อมาเมื่ออินเทอร์เน็ตได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมมากขึ้นจึงได้ พัฒนาเป็น การเรียนการสอนผ่านเว็บเพจ WBI (Web Based Instruction) หรือ WBL (Web Based Learning) และได้มีการพัฒนาปรับปรุงเป็นสื่อการเรียนการสอนแบบ e-Learning (Electronics Learning)
e-Learning คือ การนำเอาเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน การถ่ายทอดความรู้ การอบรม การ

ทดสอบและประเมินผลผ่านเว็บเพจ  
         
 Virtual Library Virtual Library หรือห้องสมุดเสมือน เป็นรูปแบบการให้บริการอีกช่องทางหนึ่งของห้องสมุดในปัจจุบัน โดยให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้บริการสามารถสืบค้นข้อมูลและเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่ในห้องสมุดเสมือน ได้ ข้อมูลที่ให้บริการจะอยู่ในรูปของข้อมูลดิจิทัล ทำให้เปิดโอกาสในการเรียนรู้ เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดเวลา สามารถเข้าสู่ข้อมูลที่ให้บริการได้จากทุกแห่ง
บริการของ Virtual Library ได้แก่ บริการสืบค้นข้อมูลรายการทรัพยากรสารสนเทศ (Online Public Access Catalog-OPAC) บริการฐานข้อมูลออนไลน์ บริการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ บริการสื่ออิเล็กทรอนิกส์ บริการแนะนำสารสนเทศที่น่าสนใจ

นาโนเทคโนโลยี อาณาจักรจิ๋ว นวัตกรรมแห่งอนาคต  
         
 นาโทเทคโนโลยี กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งกับชีวิตประจำวันของเราและเป็นที่กล่าวขานกัน อย่างมากในขณะนี้ คำว่า "นาโน (nano)" แปลว่า 1 ในพันล้านส่วน เช่น นาโนวินาที เท่ากับ 10ยกกำลัง-9 หรือ 0.000000001วินาที 1 นาโนเมตร เท่ากับ 1/1,000,000,000 เมตร หรือ 0.000000001 เมตร

          นาโนเทคโนโลยี คือ การทำให้โครงสร้างพื้นฐานของโมเลกุลขนาดระดับ 1 ถึง 100 นาโนเมตร กลายเป็นวัสดุหรืออุปกรณ์นาโนที่มีประโยชน์ สามารถนำมาใช้สอยได้ ซึ่งต้องอาศัยคุณสมบัติทางฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ของระบบที่อยู่กึ่งกลางระหว่างอะตอม โมเลกุล กับวัตถุขนาดใหญ่ และสามารถควบคุมคุณสมบัติทั้งหลายได้

ตัวอย่างของความก้าวหน้าด้านนาโนเทคโนโลยี 

  1. วัสดุ ฉลาด (Smart materials) 
  2. ตัวรับรู้ หรือเซ็นเซอร์ (Sensors) 
  3. โครงสร้างชีวภาพขนาดนาโน (Nanoscale Biostructures) 
  4. คอมพิวเตอร์แบบควอนตัม  
  5. คอมพิวเตอร์ดีเอ็นเอ 


แนวโน้มใน ด้านบวก  

  • การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์ 
  • การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง 
  • การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้  
  • การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library) 
  • การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ  
  • การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen 



แนวโน้มใน ด้านลบ  

  • ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา 
  • การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ 
  • การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์  




รัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์  
          รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) คือ วิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครื่อข่ายสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐ ปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชน บริการข้อมูลและสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประชาชนได้รับการบริการจากภาครัฐที่ดีขึ้น มีความใกล้ชิดกับภาครัฐมากขึ้น อีกทั้งทำให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ดีขึ้นด้วย

         


   ประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ 

  1. เพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงานรัฐ
  2. เพิ่มคุณภาพในการบริการประชาชนให้สะดวกรวดเร็ว 
  3. สร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานและให้บริการ 
  4. ลดต้นทุนการดำเนินงานและการให้บริการของหน่วยงาน ภาครัฐ 
  5. . เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 


  

 สรุป  


        
   ในสังคมสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คนในสังคมมีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง คนทุกระดับอายุ เกือบทุกอาชีพ มีความต้องการสารสนเทศอยู่ตลอดเวลาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งทางตรงและทาง อ้อม เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาและเริ่มนำมาประยุกต์ใช้ไม่ว่าจะเป็น ระบบปัญญาประดิษฐ์ ยูบิควิตัส การเรียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการบริหารประเทศก็ยังมีการตั้งโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ พวกเราที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมสารสนเทศจึงควรเตรียมความพร้อมในการปรับตัว เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้ การประกอบธุรกิจ การบริหารจัดการ การพักผ่อนและบันเทิง รวมทั้งการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับชีวิตของตนเอง  

 
ที่มา : http://www.maplehack.org



ข่าวเกีียวกับIT





วันนี้ (7 พ.ค) ที่ห้องเวิลด์ บอลรูม บี ชั้น 23 โรงแรมเซนทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซอย่างเป็นทางการ 
นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า ได้รับใบอนุญาต 3จี บนคลื่น 2.1กิกะเฮิร์ตซ จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จึงต้องการพัฒนายกระดับเพิ่มศักยภาพของไทยด้านสื่อสารเป็นมาตรฐานโลก โดยช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เอไอเอส  ได้เริ่มสุ่มเชิญลูกค้าบางส่วนที่พร้อมลองใช้ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซมาทดลองใช้บริการก่อนที่จะเปิดระบบเป็นทางการวันนี้
"ตัวเลขผู้ใช้งาน โมบาย อินเทอร์เน็ต สิ้นปี 2555 มีจำนวน 12 ล้ายราย ส่วนสิ้นปี 2556 คาดว่าจะมี 15 ล้านราย” นายวิเชียร กล่าว
นายฮุย เวง ชอง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เอไอเอส กล่าวว่า หากลูกค้าใช้งานนอกพื้นที่ 3 จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซที่ให้บริการ  เอไอเอสจะปรับระบบเป็น 3 จีบนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ ให้อัตโนมัติ เพื่อใช้งานได้ลื่นไหล  โดยคิดค่าบริการอัตราปกติเหมือนที่เคยจ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ของเอไอเอส เบื้องต้นให้บริการ 20 จังหวัด (กรุงเทพฯ, นนทบุรี , ปทุมธานี, สมุทรปราการ, อยุธยา, เชียงใหม่, เชียงราย, พิษณุโลก, ขอนแก่น, โคราช , อุดรธานี, ชลบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, ระยอง, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, สงขลา, สุราษฎร์ธานี) มีลูกค้าตอบรับอัพเกรดบริการแล้วกว่า 8 แสนราย โดยจะใช้งบขยายเครือข่าย 3จีรวม 70,000 ล้านบาท ซึ่งในเวลา 4 เดือนได้ขยายเครือข่ายแล้ว 5,000 สถานีฐาน รองรับลูกค้าได้ 10 ล้านราย ซึ่งพื้นที่ให้บริการ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ช่วงแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้บริการทุกเขต แต่เฉพาะพื้นที่ เช่น เขตปทุมวัน ใช้ได้เฉพาะแขวงปทุมวัน, รองเมือง,ลุมพินี,วังใหม่ 
พื้นที่ให้บริการเอไอเอส 3จี ในขอนแก่น อ.เมือง ( ต.แเดงใหญ่ ท่าพระ ในเมือง บ้านค้อ บ้านเป็ด บึงเนียม พระลับ เมืองเก่าและ ต.ศิลา ส่วนเชียงใหม่ใช้เอไอเอส 3จี ในพื้นที่ อ.เมือง ดอยสะเก็ด แม่ริม แม่ออน สันกำแพง สันทราย สันป่าตอง สารภี และหางดง แต่ในช่วงแรกไม่ครบทุกตำบล ขณะที่ภูเก็ต ใช้เอไอเอส 3จีได้ในเขตอ.เมือง กระทู้  และ อ.ถลาง เดือนก.ค.-ก.ย.ให้บริการพื้นที่กระบี่ นครสวรรค์ ปัตตานี ลำปาง อุบลราชธานี จันทบุรี นราธิวาส ปราจีนบุรี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา บุรีรัมย์ ลพบุรี และสุรินทร์
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้รายงานความคืบหน้าในการที่คนไทยจะได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตได้ติดตั้งสถานีฐานเพื่อให้บริการเครือข่าย 3จี ในพื้นที่ให้บริการแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,650 สถานี แบ่งเป็นสถานีฐานของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด จำนวน 3,512 สถานี บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด จำนวน 130 สถานี และเป็นของบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด จำนวน 8 สถานี
สำหรับจำนวนสถานีฐาน 3จีที่ติดตั้งแล้วแบ่งตามพื้นที่ ดังนี้
  • กรุงเทพฯ มีการติดตั้งสถานีฐานทั้งหมด 1,017 สถานี
  • ปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 576 สถานี
  • ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ชัยนาท นครปฐม นครนายก พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สระบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี และสมุทรสงคราม มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 470 สถานี 
  • ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก แพร่ นครสวรรค์ น่าน และพะเยา มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 371 สถานี
  • ภาคอีสาน ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และนครพนม มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 294 สถานี
  • ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 378 สถานี
  • ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ตราด ระยอง สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และจันทบุรี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 511 สถานี
  • ภาคตะวันตก ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 33 สถานี

สำหรับผู้ประกอบการทั้ง 3 รายที่ชนะการประมูลใบอนุญาต 3จี ของกสทช. ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค.55 ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ดีแทคเนทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท เรียลฟิวเจอร์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ 3จี หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ “ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ หรือใบอนุญาต 3จี และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม คือมีโครงข่ายเป็นของตัวเอง” จากกสทช. เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.55 ซึ่งใบอนุญาตมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.2555 – 6 ธ.ค. 2570 รวมระยะเวลาใบอนุญาต 15 ปี ตามเงื่อนไขสำคัญของการให้ใบอนุญาต 3จีครั้งนี้ คือผู้ประกอบการต้องลดค่าบริการลง 15% ก่อนเปิดให้บริการ ซึ่งอยู่ในส่วนของการคุ้มครองผู้บริโภค และ 2.ต้องให้บริการครอบคลุม 80%ของประชากรภายใน 4 ปี 3.รับรองอัตราความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลไม่น้อยกว่าอัตราที่กำหนดคือ 354 กิโลบิต/วินาที 4.ต้องดำเนินการไม่กำหนดวันหมดอายุของบริการแบบเติมเงิน (พรีเพด)
ส่วนบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ บริษัทในเครือของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวบริการ 3จีอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 พ.ค.นี้ ที่พารากอนฮอล์ 3 ชั้น 5 สยามพารากอน ขณะที่บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จะจัดแถลงข่าวเปิดตัวบริการ 3จีอย่างเป็นทางการในวันที่  9 พ.ค.นี้ ที่ชั้น 32 ดีแทคเฮ้าส์ จามจุรีสแควร์
ข่าวที่เกี่ยวกับการประมูล 3 จี และการให้ใบอนุญาต 3 จี