แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
เทคโนโลยีการสื่อสาร ทุกที่ ทุกเวลา
ยูบิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous technology) สังคมยูบิควิตัส (Ubiquitous society) หรือ ยูบิคอมบ์ (Ubicomp) เป็นทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการสื่อสารใหม่และเป็นแนวโน้มของสังคมสารสนเทศ ยูบิควิตัส เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า อยู่ในทุกแห่ง หรือ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มาร์ค ไวเซอร์ (Mark Weiser) แห่งศูนย์วิจัย Palo Alto ของบริษัท Xerox ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำนิยาม "ยูบิควิตัสคอมพิวติง" ไว้ว่า เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง-สภาพแวดล้อมที่สามารถใช้ คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่าย ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใด
จุดเด่นของยูบิควิตัส ได้แก่
- การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่ว่าผู้ใช้งาน จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ
- การ สร้างสภาพการใช้งานโดยผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่
- การให้บริการที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้ง สถานที่ อุปกรณ์ ปัจจัยทางกายภาพอื่นๆ
เทคโนโลยีสารสนเทศ กับการศึกษา
เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้กับการศึกษาได้แก่ สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) เทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้รูปการเรียนที่จำกัดด้วยชั้นเรียน ขนาดเล็กกลายเป็นการเรียนด้วยระบบการสื่อสารทางไกลหรือโทรศึกษา (tele-education) เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและแก้ปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ผู้สอน ต่อมาเมื่ออินเทอร์เน็ตได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมมากขึ้นจึงได้ พัฒนาเป็น การเรียนการสอนผ่านเว็บเพจ WBI (Web Based Instruction) หรือ WBL (Web Based Learning) และได้มีการพัฒนาปรับปรุงเป็นสื่อการเรียนการสอนแบบ e-Learning (Electronics Learning)
e-Learning คือ การนำเอาเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน การถ่ายทอดความรู้ การอบรม การ
ทดสอบและประเมินผลผ่านเว็บเพจ
Virtual Library Virtual Library หรือห้องสมุดเสมือน เป็นรูปแบบการให้บริการอีกช่องทางหนึ่งของห้องสมุดในปัจจุบัน โดยให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้บริการสามารถสืบค้นข้อมูลและเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่ในห้องสมุดเสมือน ได้ ข้อมูลที่ให้บริการจะอยู่ในรูปของข้อมูลดิจิทัล ทำให้เปิดโอกาสในการเรียนรู้ เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดเวลา สามารถเข้าสู่ข้อมูลที่ให้บริการได้จากทุกแห่ง
บริการของ Virtual Library ได้แก่ บริการสืบค้นข้อมูลรายการทรัพยากรสารสนเทศ (Online Public Access Catalog-OPAC) บริการฐานข้อมูลออนไลน์ บริการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ บริการสื่ออิเล็กทรอนิกส์ บริการแนะนำสารสนเทศที่น่าสนใจ
นาโนเทคโนโลยี อาณาจักรจิ๋ว นวัตกรรมแห่งอนาคต
นาโทเทคโนโลยี กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งกับชีวิตประจำวันของเราและเป็นที่กล่าวขานกัน อย่างมากในขณะนี้ คำว่า "นาโน (nano)" แปลว่า 1 ในพันล้านส่วน เช่น นาโนวินาที เท่ากับ 10ยกกำลัง-9 หรือ 0.000000001วินาที 1 นาโนเมตร เท่ากับ 1/1,000,000,000 เมตร หรือ 0.000000001 เมตร
นาโนเทคโนโลยี คือ การทำให้โครงสร้างพื้นฐานของโมเลกุลขนาดระดับ 1 ถึง 100 นาโนเมตร กลายเป็นวัสดุหรืออุปกรณ์นาโนที่มีประโยชน์ สามารถนำมาใช้สอยได้ ซึ่งต้องอาศัยคุณสมบัติทางฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ของระบบที่อยู่กึ่งกลางระหว่างอะตอม โมเลกุล กับวัตถุขนาดใหญ่ และสามารถควบคุมคุณสมบัติทั้งหลายได้
ตัวอย่างของความก้าวหน้าด้านนาโนเทคโนโลยี
- วัสดุ ฉลาด (Smart materials)
- ตัวรับรู้ หรือเซ็นเซอร์ (Sensors)
- โครงสร้างชีวภาพขนาดนาโน (Nanoscale Biostructures)
- คอมพิวเตอร์แบบควอนตัม
- คอมพิวเตอร์ดีเอ็นเอ
แนวโน้มใน ด้านบวก
- การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์
- การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง
- การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้
- การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library)
- การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
- การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen
แนวโน้มใน ด้านลบ
- ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา
- การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ
- การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์
รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) คือ วิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครื่อข่ายสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐ ปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชน บริการข้อมูลและสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประชาชนได้รับการบริการจากภาครัฐที่ดีขึ้น มีความใกล้ชิดกับภาครัฐมากขึ้น อีกทั้งทำให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ดีขึ้นด้วย
ประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
- เพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงานรัฐ
- เพิ่มคุณภาพในการบริการประชาชนให้สะดวกรวดเร็ว
- สร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานและให้บริการ
- ลดต้นทุนการดำเนินงานและการให้บริการของหน่วยงาน ภาครัฐ
- . เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
สรุป
ในสังคมสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คนในสังคมมีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง คนทุกระดับอายุ เกือบทุกอาชีพ มีความต้องการสารสนเทศอยู่ตลอดเวลาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งทางตรงและทาง อ้อม เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาและเริ่มนำมาประยุกต์ใช้ไม่ว่าจะเป็น ระบบปัญญาประดิษฐ์ ยูบิควิตัส การเรียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการบริหารประเทศก็ยังมีการตั้งโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ พวกเราที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมสารสนเทศจึงควรเตรียมความพร้อมในการปรับตัว เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้ การประกอบธุรกิจ การบริหารจัดการ การพักผ่อนและบันเทิง รวมทั้งการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับชีวิตของตนเอง
ที่มา : http://www.maplehack.org
ข่าวเกีียวกับIT

วันนี้ (7 พ.ค) ที่ห้องเวิลด์ บอลรูม บี ชั้น 23 โรงแรมเซนทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซอย่างเป็นทางการ
นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า ได้รับใบอนุญาต 3จี บนคลื่น 2.1กิกะเฮิร์ตซ จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จึงต้องการพัฒนายกระดับเพิ่มศักยภาพของไทยด้านสื่อสารเป็นมาตรฐานโลก โดยช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เอไอเอส ได้เริ่มสุ่มเชิญลูกค้าบางส่วนที่พร้อมลองใช้ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซมาทดลองใช้บริการก่อนที่จะเปิดระบบเป็นทางการวันนี้
"ตัวเลขผู้ใช้งาน โมบาย อินเทอร์เน็ต สิ้นปี 2555 มีจำนวน 12 ล้ายราย ส่วนสิ้นปี 2556 คาดว่าจะมี 15 ล้านราย” นายวิเชียร กล่าว
นายฮุย เวง ชอง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เอไอเอส กล่าวว่า หากลูกค้าใช้งานนอกพื้นที่ 3 จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซที่ให้บริการ เอไอเอสจะปรับระบบเป็น 3 จีบนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ ให้อัตโนมัติ เพื่อใช้งานได้ลื่นไหล โดยคิดค่าบริการอัตราปกติเหมือนที่เคยจ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ของเอไอเอส เบื้องต้นให้บริการ 20 จังหวัด (กรุงเทพฯ, นนทบุรี , ปทุมธานี, สมุทรปราการ, อยุธยา, เชียงใหม่, เชียงราย, พิษณุโลก, ขอนแก่น, โคราช , อุดรธานี, ชลบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, ระยอง, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, สงขลา, สุราษฎร์ธานี) มีลูกค้าตอบรับอัพเกรดบริการแล้วกว่า 8 แสนราย โดยจะใช้งบขยายเครือข่าย 3จีรวม 70,000 ล้านบาท ซึ่งในเวลา 4 เดือนได้ขยายเครือข่ายแล้ว 5,000 สถานีฐาน รองรับลูกค้าได้ 10 ล้านราย ซึ่งพื้นที่ให้บริการ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ช่วงแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้บริการทุกเขต แต่เฉพาะพื้นที่ เช่น เขตปทุมวัน ใช้ได้เฉพาะแขวงปทุมวัน, รองเมือง,ลุมพินี,วังใหม่
พื้นที่ให้บริการเอไอเอส 3จี ในขอนแก่น อ.เมือง ( ต.แเดงใหญ่ ท่าพระ ในเมือง บ้านค้อ บ้านเป็ด บึงเนียม พระลับ เมืองเก่าและ ต.ศิลา ส่วนเชียงใหม่ใช้เอไอเอส 3จี ในพื้นที่ อ.เมือง ดอยสะเก็ด แม่ริม แม่ออน สันกำแพง สันทราย สันป่าตอง สารภี และหางดง แต่ในช่วงแรกไม่ครบทุกตำบล ขณะที่ภูเก็ต ใช้เอไอเอส 3จีได้ในเขตอ.เมือง กระทู้ และ อ.ถลาง เดือนก.ค.-ก.ย.ให้บริการพื้นที่กระบี่ นครสวรรค์ ปัตตานี ลำปาง อุบลราชธานี จันทบุรี นราธิวาส ปราจีนบุรี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา บุรีรัมย์ ลพบุรี และสุรินทร์
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้รายงานความคืบหน้าในการที่คนไทยจะได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตได้ติดตั้งสถานีฐานเพื่อให้บริการเครือข่าย 3จี ในพื้นที่ให้บริการแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,650 สถานี แบ่งเป็นสถานีฐานของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด จำนวน 3,512 สถานี บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด จำนวน 130 สถานี และเป็นของบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด จำนวน 8 สถานี
สำหรับจำนวนสถานีฐาน 3จีที่ติดตั้งแล้วแบ่งตามพื้นที่ ดังนี้
- กรุงเทพฯ มีการติดตั้งสถานีฐานทั้งหมด 1,017 สถานี
- ปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 576 สถานี
- ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ชัยนาท นครปฐม นครนายก พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สระบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี และสมุทรสงคราม มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 470 สถานี
- ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก แพร่ นครสวรรค์ น่าน และพะเยา มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 371 สถานี
- ภาคอีสาน ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และนครพนม มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 294 สถานี
- ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 378 สถานี
- ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ตราด ระยอง สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และจันทบุรี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 511 สถานี
- ภาคตะวันตก ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 33 สถานี
สำหรับผู้ประกอบการทั้ง 3 รายที่ชนะการประมูลใบอนุญาต 3จี ของกสทช. ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค.55 ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ดีแทคเนทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท เรียลฟิวเจอร์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ 3จี หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ “ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ หรือใบอนุญาต 3จี และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม คือมีโครงข่ายเป็นของตัวเอง” จากกสทช. เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.55 ซึ่งใบอนุญาตมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.2555 – 6 ธ.ค. 2570 รวมระยะเวลาใบอนุญาต 15 ปี ตามเงื่อนไขสำคัญของการให้ใบอนุญาต 3จีครั้งนี้ คือผู้ประกอบการต้องลดค่าบริการลง 15% ก่อนเปิดให้บริการ ซึ่งอยู่ในส่วนของการคุ้มครองผู้บริโภค และ 2.ต้องให้บริการครอบคลุม 80%ของประชากรภายใน 4 ปี 3.รับรองอัตราความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลไม่น้อยกว่าอัตราที่กำหนดคือ 354 กิโลบิต/วินาที 4.ต้องดำเนินการไม่กำหนดวันหมดอายุของบริการแบบเติมเงิน (พรีเพด)
ส่วนบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ บริษัทในเครือของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวบริการ 3จีอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 พ.ค.นี้ ที่พารากอนฮอล์ 3 ชั้น 5 สยามพารากอน ขณะที่บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จะจัดแถลงข่าวเปิดตัวบริการ 3จีอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค.นี้ ที่ชั้น 32 ดีแทคเฮ้าส์ จามจุรีสแควร์
ข่าวที่เกี่ยวกับการประมูล 3 จี และการให้ใบอนุญาต 3 จี


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น