วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัดเรื่อง แนวโน้วของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตว่าเป็นอย่างไำร และ ข่าวเกี่ยวกับไอที



แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาค


การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
เทคโนโลยีการสื่อสาร ทุกที่ ทุกเวลา  

          
ยูบิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous technology) สังคมยูบิควิตัส (Ubiquitous society) หรือ ยูบิคอมบ์ (Ubicomp) เป็นทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการสื่อสารใหม่และเป็นแนวโน้มของสังคมสารสนเทศ ยูบิควิตัส เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า อยู่ในทุกแห่ง หรือ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มาร์ค ไวเซอร์ (Mark Weiser) แห่งศูนย์วิจัย Palo Alto ของบริษัท Xerox ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำนิยาม "ยูบิควิตัสคอมพิวติง" ไว้ว่า เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง-สภาพแวดล้อมที่สามารถใช้ คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่าย ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใด

จุดเด่นของยูบิควิตัส ได้แก่  

  1. การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่ว่าผู้ใช้งาน จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ 
  2. การ สร้างสภาพการใช้งานโดยผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่  
  3. การให้บริการที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้ง สถานที่ อุปกรณ์ ปัจจัยทางกายภาพอื่นๆ  



เทคโนโลยีสารสนเทศ กับการศึกษา  


          เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้กับการศึกษาได้แก่ สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) เทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้รูปการเรียนที่จำกัดด้วยชั้นเรียน ขนาดเล็กกลายเป็นการเรียนด้วยระบบการสื่อสารทางไกลหรือโทรศึกษา (tele-education) เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและแก้ปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ผู้สอน ต่อมาเมื่ออินเทอร์เน็ตได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมมากขึ้นจึงได้ พัฒนาเป็น การเรียนการสอนผ่านเว็บเพจ WBI (Web Based Instruction) หรือ WBL (Web Based Learning) และได้มีการพัฒนาปรับปรุงเป็นสื่อการเรียนการสอนแบบ e-Learning (Electronics Learning)
e-Learning คือ การนำเอาเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน การถ่ายทอดความรู้ การอบรม การ

ทดสอบและประเมินผลผ่านเว็บเพจ  
         
 Virtual Library Virtual Library หรือห้องสมุดเสมือน เป็นรูปแบบการให้บริการอีกช่องทางหนึ่งของห้องสมุดในปัจจุบัน โดยให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้บริการสามารถสืบค้นข้อมูลและเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่ในห้องสมุดเสมือน ได้ ข้อมูลที่ให้บริการจะอยู่ในรูปของข้อมูลดิจิทัล ทำให้เปิดโอกาสในการเรียนรู้ เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดเวลา สามารถเข้าสู่ข้อมูลที่ให้บริการได้จากทุกแห่ง
บริการของ Virtual Library ได้แก่ บริการสืบค้นข้อมูลรายการทรัพยากรสารสนเทศ (Online Public Access Catalog-OPAC) บริการฐานข้อมูลออนไลน์ บริการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ บริการสื่ออิเล็กทรอนิกส์ บริการแนะนำสารสนเทศที่น่าสนใจ

นาโนเทคโนโลยี อาณาจักรจิ๋ว นวัตกรรมแห่งอนาคต  
         
 นาโทเทคโนโลยี กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งกับชีวิตประจำวันของเราและเป็นที่กล่าวขานกัน อย่างมากในขณะนี้ คำว่า "นาโน (nano)" แปลว่า 1 ในพันล้านส่วน เช่น นาโนวินาที เท่ากับ 10ยกกำลัง-9 หรือ 0.000000001วินาที 1 นาโนเมตร เท่ากับ 1/1,000,000,000 เมตร หรือ 0.000000001 เมตร

          นาโนเทคโนโลยี คือ การทำให้โครงสร้างพื้นฐานของโมเลกุลขนาดระดับ 1 ถึง 100 นาโนเมตร กลายเป็นวัสดุหรืออุปกรณ์นาโนที่มีประโยชน์ สามารถนำมาใช้สอยได้ ซึ่งต้องอาศัยคุณสมบัติทางฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ของระบบที่อยู่กึ่งกลางระหว่างอะตอม โมเลกุล กับวัตถุขนาดใหญ่ และสามารถควบคุมคุณสมบัติทั้งหลายได้

ตัวอย่างของความก้าวหน้าด้านนาโนเทคโนโลยี 

  1. วัสดุ ฉลาด (Smart materials) 
  2. ตัวรับรู้ หรือเซ็นเซอร์ (Sensors) 
  3. โครงสร้างชีวภาพขนาดนาโน (Nanoscale Biostructures) 
  4. คอมพิวเตอร์แบบควอนตัม  
  5. คอมพิวเตอร์ดีเอ็นเอ 


แนวโน้มใน ด้านบวก  

  • การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์ 
  • การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง 
  • การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้  
  • การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library) 
  • การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ  
  • การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen 



แนวโน้มใน ด้านลบ  

  • ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา 
  • การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ 
  • การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์  




รัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์  
          รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) คือ วิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครื่อข่ายสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐ ปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชน บริการข้อมูลและสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประชาชนได้รับการบริการจากภาครัฐที่ดีขึ้น มีความใกล้ชิดกับภาครัฐมากขึ้น อีกทั้งทำให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ดีขึ้นด้วย

         


   ประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ 

  1. เพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงานรัฐ
  2. เพิ่มคุณภาพในการบริการประชาชนให้สะดวกรวดเร็ว 
  3. สร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานและให้บริการ 
  4. ลดต้นทุนการดำเนินงานและการให้บริการของหน่วยงาน ภาครัฐ 
  5. . เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 


  

 สรุป  


        
   ในสังคมสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คนในสังคมมีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง คนทุกระดับอายุ เกือบทุกอาชีพ มีความต้องการสารสนเทศอยู่ตลอดเวลาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งทางตรงและทาง อ้อม เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาและเริ่มนำมาประยุกต์ใช้ไม่ว่าจะเป็น ระบบปัญญาประดิษฐ์ ยูบิควิตัส การเรียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการบริหารประเทศก็ยังมีการตั้งโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ พวกเราที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมสารสนเทศจึงควรเตรียมความพร้อมในการปรับตัว เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้ การประกอบธุรกิจ การบริหารจัดการ การพักผ่อนและบันเทิง รวมทั้งการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับชีวิตของตนเอง  

 
ที่มา : http://www.maplehack.org



ข่าวเกีียวกับIT





วันนี้ (7 พ.ค) ที่ห้องเวิลด์ บอลรูม บี ชั้น 23 โรงแรมเซนทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซอย่างเป็นทางการ 
นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า ได้รับใบอนุญาต 3จี บนคลื่น 2.1กิกะเฮิร์ตซ จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จึงต้องการพัฒนายกระดับเพิ่มศักยภาพของไทยด้านสื่อสารเป็นมาตรฐานโลก โดยช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เอไอเอส  ได้เริ่มสุ่มเชิญลูกค้าบางส่วนที่พร้อมลองใช้ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซมาทดลองใช้บริการก่อนที่จะเปิดระบบเป็นทางการวันนี้
"ตัวเลขผู้ใช้งาน โมบาย อินเทอร์เน็ต สิ้นปี 2555 มีจำนวน 12 ล้ายราย ส่วนสิ้นปี 2556 คาดว่าจะมี 15 ล้านราย” นายวิเชียร กล่าว
นายฮุย เวง ชอง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เอไอเอส กล่าวว่า หากลูกค้าใช้งานนอกพื้นที่ 3 จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซที่ให้บริการ  เอไอเอสจะปรับระบบเป็น 3 จีบนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ ให้อัตโนมัติ เพื่อใช้งานได้ลื่นไหล  โดยคิดค่าบริการอัตราปกติเหมือนที่เคยจ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ของเอไอเอส เบื้องต้นให้บริการ 20 จังหวัด (กรุงเทพฯ, นนทบุรี , ปทุมธานี, สมุทรปราการ, อยุธยา, เชียงใหม่, เชียงราย, พิษณุโลก, ขอนแก่น, โคราช , อุดรธานี, ชลบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, ระยอง, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, สงขลา, สุราษฎร์ธานี) มีลูกค้าตอบรับอัพเกรดบริการแล้วกว่า 8 แสนราย โดยจะใช้งบขยายเครือข่าย 3จีรวม 70,000 ล้านบาท ซึ่งในเวลา 4 เดือนได้ขยายเครือข่ายแล้ว 5,000 สถานีฐาน รองรับลูกค้าได้ 10 ล้านราย ซึ่งพื้นที่ให้บริการ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ช่วงแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้บริการทุกเขต แต่เฉพาะพื้นที่ เช่น เขตปทุมวัน ใช้ได้เฉพาะแขวงปทุมวัน, รองเมือง,ลุมพินี,วังใหม่ 
พื้นที่ให้บริการเอไอเอส 3จี ในขอนแก่น อ.เมือง ( ต.แเดงใหญ่ ท่าพระ ในเมือง บ้านค้อ บ้านเป็ด บึงเนียม พระลับ เมืองเก่าและ ต.ศิลา ส่วนเชียงใหม่ใช้เอไอเอส 3จี ในพื้นที่ อ.เมือง ดอยสะเก็ด แม่ริม แม่ออน สันกำแพง สันทราย สันป่าตอง สารภี และหางดง แต่ในช่วงแรกไม่ครบทุกตำบล ขณะที่ภูเก็ต ใช้เอไอเอส 3จีได้ในเขตอ.เมือง กระทู้  และ อ.ถลาง เดือนก.ค.-ก.ย.ให้บริการพื้นที่กระบี่ นครสวรรค์ ปัตตานี ลำปาง อุบลราชธานี จันทบุรี นราธิวาส ปราจีนบุรี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา บุรีรัมย์ ลพบุรี และสุรินทร์
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้รายงานความคืบหน้าในการที่คนไทยจะได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตได้ติดตั้งสถานีฐานเพื่อให้บริการเครือข่าย 3จี ในพื้นที่ให้บริการแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,650 สถานี แบ่งเป็นสถานีฐานของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด จำนวน 3,512 สถานี บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด จำนวน 130 สถานี และเป็นของบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด จำนวน 8 สถานี
สำหรับจำนวนสถานีฐาน 3จีที่ติดตั้งแล้วแบ่งตามพื้นที่ ดังนี้
  • กรุงเทพฯ มีการติดตั้งสถานีฐานทั้งหมด 1,017 สถานี
  • ปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 576 สถานี
  • ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ชัยนาท นครปฐม นครนายก พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สระบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี และสมุทรสงคราม มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 470 สถานี 
  • ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก แพร่ นครสวรรค์ น่าน และพะเยา มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 371 สถานี
  • ภาคอีสาน ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และนครพนม มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 294 สถานี
  • ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 378 สถานี
  • ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ตราด ระยอง สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และจันทบุรี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 511 สถานี
  • ภาคตะวันตก ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี มีการติดตั้งแล้วทั้งหมด 33 สถานี

สำหรับผู้ประกอบการทั้ง 3 รายที่ชนะการประมูลใบอนุญาต 3จี ของกสทช. ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค.55 ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ดีแทคเนทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท เรียลฟิวเจอร์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ 3จี หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ “ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ หรือใบอนุญาต 3จี และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม คือมีโครงข่ายเป็นของตัวเอง” จากกสทช. เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.55 ซึ่งใบอนุญาตมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.2555 – 6 ธ.ค. 2570 รวมระยะเวลาใบอนุญาต 15 ปี ตามเงื่อนไขสำคัญของการให้ใบอนุญาต 3จีครั้งนี้ คือผู้ประกอบการต้องลดค่าบริการลง 15% ก่อนเปิดให้บริการ ซึ่งอยู่ในส่วนของการคุ้มครองผู้บริโภค และ 2.ต้องให้บริการครอบคลุม 80%ของประชากรภายใน 4 ปี 3.รับรองอัตราความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลไม่น้อยกว่าอัตราที่กำหนดคือ 354 กิโลบิต/วินาที 4.ต้องดำเนินการไม่กำหนดวันหมดอายุของบริการแบบเติมเงิน (พรีเพด)
ส่วนบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ บริษัทในเครือของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวบริการ 3จีอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 พ.ค.นี้ ที่พารากอนฮอล์ 3 ชั้น 5 สยามพารากอน ขณะที่บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จะจัดแถลงข่าวเปิดตัวบริการ 3จีอย่างเป็นทางการในวันที่  9 พ.ค.นี้ ที่ชั้น 32 ดีแทคเฮ้าส์ จามจุรีสแควร์
ข่าวที่เกี่ยวกับการประมูล 3 จี และการให้ใบอนุญาต 3 จี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น