1.E-Commerce คืิอ พาณิชย์อเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหมาถึง การทำธุรกรรมทุกรูปแบบโดยครอบคลุมถึงการซื้อ-ขายสินค้า/บริการ การชำระเงิน การโฆษณาโดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ปรเะเภทต่างโดยเฉพาะเครือข่ายทางอินเตอร์เน็ท
2.ประเภทของ E-Commerce
1.ผู้ประกอบการ กับ ผู้บริโภค (Business to Consumer - B2C)คือการค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าซึ่งก็คือผู้บริโภค เช่น การขายหนังสือ ขายวีดีโอ ขายซีดีเพลงเป็นต้น2.ผู้ประกอบการ กับ ผู้ประกอบการ (Business to Business – B2B) คือการค้าระหว่างผู้ค้ากับลูกค้าเช่นกัน แต่ในที่นี้ลูกค้าจะเป็นในรูปแบบของผู้ประกอบการ ในที่นี้จะครอบคลุมถึงเรื่อง การขายส่ง การทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain Management) เป็นต้น ซึ่งจะมีความซับซ้อนในระดับต่างๆกันไป3.ผู้บริโภค กับ ผู้บริโภค (Consumer to Consumer - C2C) คือการติดต่อระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคนั้น มีหลายรูปแบบและวัตถุประสงค์ เช่นเพื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ในกลุ่มคนที่มีการบริโภคเหมือนกัน หรืออาจจะทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง ขายของมือสองเป็นต้น4.ผู้ประกอบการ กับ ภาครัฐ (Business to Government – B2G) คือการประกอบธุรกิจระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ ที่ใช้กันมากก็คือเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ หรือที่เรียกว่า e-Government Procurement ในประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว รัฐบาลจะทำการซื้อ/จัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่นการประกาศจัดจ้างของภาครัฐในเว็บไซต์ www.mahadthai.com5.ภาครัฐ กับ ประชาชน (Government to Consumer -G2C)ในที่นี้คงไม่ใช่วัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่จะเป็นเรื่องการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยเองก็มีให้บริการแล้วหลายหน่วยงาน เช่นการคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต, การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เช่นข้อมูลการติดต่อการทำทะเบียนต่างๆของกระทรวงมหาดไทย ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้างในการทำเรื่องนั้นๆ และสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มบางอย่างจากบนเว็บไซต์ได้ด้วย
ที่มา : http://www.ecommerce.or.th/project/e-guide/index.html
: e-Commerce FAQ คำถามนี้มีคำตอบ โดยศูนย์พัฒนาอิเล็กทรอนิกส์ หน้า 19-20
: หนังสือ e-commerce คู่มือประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หน้า 36-38
http://www.thaiwbi.com/topic/E-Ecommerce
http://202.28.94.55/webclass/pub-lesson.cs?storyid=278
: e-Commerce FAQ คำถามนี้มีคำตอบ โดยศูนย์พัฒนาอิเล็กทรอนิกส์ หน้า 19-20
: หนังสือ e-commerce คู่มือประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หน้า 36-38
http://www.thaiwbi.com/topic/E-Ecommerce
http://202.28.94.55/webclass/pub-lesson.cs?storyid=278
3.ประโยชน์ข้อจำกัดของE-Commerceมีอะไรบ้างจงอธิบาย
ประโยชน์
1. สามารถเปิดดำเนินการได้ 24 ชั่วโมง
2. ตัดปัญหาการต่อรองราคา หรือปัญหาเรื่องนายหน้า
3. ลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
4. ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมมีโอกาสมากขึ้น
5. โอกาสทางธุรกิจเท่าเทียมกัน
6. การประชาสัมพันธ์ทำได้ง่ายขึ้น
2. ตัดปัญหาการต่อรองราคา หรือปัญหาเรื่องนายหน้า
3. ลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
4. ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมมีโอกาสมากขึ้น
5. โอกาสทางธุรกิจเท่าเทียมกัน
6. การประชาสัมพันธ์ทำได้ง่ายขึ้น
ข้อจำกัด
1. ความไม่ปลอดภัยของข้อมูล
2. ความเสี่ยงในการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ต
3. ขาดความรู้ด้านกฎหมายการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
4. ขาดความรู้เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต
1. ความไม่ปลอดภัยของข้อมูล
2. ความเสี่ยงในการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ต
3. ขาดความรู้ด้านกฎหมายการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
4. ขาดความรู้เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต
4.เทคโนโลยีEDI มีความสำคัญต่อE-Commerce อย่างไร
EDI คือ การแลกเปลี่ยนเอกสารทางธุรกิจระหว่างบริษัทคู่ค้าในรูปแบบมาตรฐานสากลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง มีสององค์ประกอบที่สำคัญในระบบ EDI คือ การใช้ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์มา แทนเอกสารที่เป็นกระดาษ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ต้องอยู่ในรูปแบบมาตรฐานสากล ด้วยสองปัจจัยนี้ ทุกธุรกิจสามารถ แลกเปลี่ยนเอกสารกันได้
ทั่วโลก
ทั่วโลก
มาตรฐานเอกสาร EDI เปรียบเสมือนภาษากลางในการสื่อสารระหว่างคู่ค้า มาตรฐานเอกสาร EDI ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก มีอยู่หลายมาตรฐาน เป็นมาตรฐานที่กำหนดโดย United Nation ขณะนี้ หลายๆ ประเทศ กำลังพยายามปรับมาตรฐานของตนให้เข้ากับมาตรฐานนี้เนื่องจากมีการค้า ระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็น ลำดับ
สรุป EDI มีความสำคัญต่อE-Commerce อย่างไร
คือเปรียบเสมือนภาษากลางในการสื่อสารระหว่างคู่ค้าเนื่องจากมีการค้า ระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็น ลำดับ ซึ่งในการทำะุธุรกรรมทางธุรกิจ E-Commerce นั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ เอกสาร EDI เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ท
5.จงยกตัวอย่างเว็บไวต์ที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ B2B,B2C,C2C,B2G มาอย่างละ2ตัวอย่าง
เช่น ธุรกิจแบบB2Bเช่น .บริษัทขายอุปกรณ์สำนักงานhttp://www.siamarmstrong.com/
บริษัทขายอาไหล่รถจัรถต่างๆhttp://www.nst.co.th/products
ธุรกิจแบบB2Cเช่น .ร้านขายหนังสือออนไลน์http://booktogo.weloveshopping.com/,
ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์http://www.thaifashiontoday.com/
ธุรกิจแบบC2C ธุรกิจท่องเที่ยวhttp://www.usystours.com/http:/,/www.visacenterondemand.blogspot.com/
ฺธุรกิจแบบB2G1.www. gprocurement.go.th
2.www.dla.go.th
6.วิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง และท่านเคยใช้หรือไม่อย่างไร
ตอบ ระบบการชำระเงินคืออะไร ระบบการชำระเงินหมายถึงกระบวนการส่งมอบหรือโอนสื่อการชำระเงินเพื่อชำระราคา โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน คือ(1) องค์กรและบุคคล หมายถึง ผู้จ่ายเงิน ผู้รับเงิน และองค์กรที่เป็นตัวกลางใน การชำระเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน เป็นต้น
(2) กระบวนการดำเนินการภายใต้กฎหมาย ระเบียบ ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ธรรมเนียมปฏิบัติ ที่กำหนดบทบาท หน้าที่ และความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและบุคคลต่าง ๆ รวมถึงกลไกการชำระเงินที่เกี่ยวข้อง
(3) สื่อการชำระเงินประเภทต่าง ๆ เช่น เงินสด ตราสารการเงิน บัตรพลาสติก การโอนเงินทางบัญชี ตลอดจนถึงการชำระเงินด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น